Bio-Biloba

แปะก๊วยมาตรฐานระดับเภสัชกรรม

  • ช่วยบำรุงสมองและความจำ
  • ทำให้เลือดไหลเวียนดี
  • ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้มาตรฐาน
  • แต่ละเม็ดมีฟลาโวน ไกลโคไซด์ 24 มก. และเทอร์พีน แลคโตน 6 มก.
  • ผลิตภายใต้การควบคุมด้านเภสัชกรรมของเดนมาร์ก

         1 เม็ดประกอบด้วย :
สารสกัดใบแปะก๊วยที่ปรับมาตรฐาน  105 มก.   ประกอบด้วย

  • ฟลาโวน ไกลโคไซด์ 24 มก.
  • เทอร์พีน แลคโตน 6 มก.

 

 

ข้อมูลผลิตภัณฑ์
         ขนาดรับประทานวันละ 1 - 2 เม็ดต่อวัน   หรือตามคำแนะนำของแพทย์    ควรรับประทานระหว่าง / หลังอาหาร   ไม่ควรรับประทานเกินปริมาณที่แนะนำต่อวัน

 

         ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ควรทดแทนอาหารที่หลากหลาย, เหมาะสำหรับผู้ทานมังสวิรัติ

 

         วิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีและการรับประทานอาหารที่สมดุลหลากหลายมีความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพที่ดี

 

         ส่วนผสม :  microcrystalline cellulose, สารสกัดจากใบแปะก๊วย, talc, ซิลิกอน ไดออกไซด์, ไทเทเนียม ไดออกไซด์, magnesium stearate

 

         การจัดเก็บ : เก็บในที่มืดแห้ง  และที่อุณหภูมิห้อง, เก็บให้พ้นมือเด็ก

การลงทะเบียน FDA

 

Bio-Biloba คืออะไร?

         Bio-Biloba เป็นสมุนไพรธรรมชาติที่มีคุณภาพระดับเภสัชกรรม    แต่ละเม็ดมีสารสกัดจากใบแปะก๊วย 105 มก.    มีสารสำคัญคือ ginkgoflavone glycosides 24 มก. และ เทอร์พีน แลคโตน 6 มก.     Bio-Biloba ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต  และช่วยบรรเทาอาการมือและเท้าเย็น Bio-Biloba ยังช่วยเพิ่มความจำและสมาธิ


ลักษณะของ Bio-Biloba
         Bio-Biloba ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง  และในหลอดเลือดส่วนปลาย   ทำให้เซลล์ได้รับออกซิเจน และสารอาหารมากขึ้น  ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายและสมอง และพบว่า Bio-Biloba ช่วยรักษาอาการมือและเท้าเย็นด้วย

         ด้วยสารสกัดจากใบแปะก๊วยในปริมาณสูงต่อเม็ด   ทำให้เห็นผลตามที่ต้องการได้ในเวลาประมาณ 4 สัปดาห์   เพียงรับประทาน 1-2 เม็ดต่อวัน.

         เมื่อเลือดไปเลี้ยงเซลล์และเนื้อเยื่อลดลง  อาจทำให้เกิดอาการมือเท้าเย็นได้                Bio-Biloba เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่สามารถช่วยในสภาวะเหล่านี้ได้    ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์แปะก๊วยก่อนการผ่าตัด (เนื่องจากเสี่ยงต่อการเลือดไหลไม่หยุด)

         โปรดจำไว้ว่า  ปัญหาสุขภาพที่ต้องได้รับการรักษาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เสมอ

 

มืออุ่นด้วย Bio-Biloba
รูปถ่ายความร้อนของมือในน้ำเย็น

Thermo photograph of a hand in cold water without Ginkgo

ผู้ที่ไม่ได้รับ ไบโอ - บิโลบา: หลังจาก 10 นาที  อุณหภูมิที่มือจะเพิ่มขึ้นจาก 12.6 °C เป็นประมาณ 20 °C

Thermo photograph of a hand in cold water with Ginkgo

ผู้ที่ได้รับ Bio-Biloba: หลังจาก 10 นาที  อุณหภูมิที่มือจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 13.8 °C เป็นประมาณ 30.9 °C

 

         การถ่ายภาพความร้อนที่แสดงด้านบน  แสดงให้เห็นถึงการไหลเวียนของเลือดผ่านมือของผู้ทดสอบ  ก่อนและหลังการใช้ Bio-Biloba    โดยแช่มือในน้ำเย็น 7 °C เป็นเวลา 2 นาทีและถ่ายภาพ    หลังจากผ่านไป 10 นาที  มือจะถูกถ่ายภาพอีกครั้ง

 


         การตั้งครรภ์และให้นมบุตร : อย่าใช้ Bio-Biloba โดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน

 

 แปะก๊วยคืออะไร?

         แปะก๊วย  หรือที่เรียกว่า Maidenhair Tree มีต้นกำเนิดจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้          เป็นเวลาหลายศตวรรษที่สารสกัดจากใบของต้นไม้นี้ถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรค ต้นไม้ชนิดนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายพันธุ์กับต้นไม้ใด ๆ   แต่ก็อยู่มานานถึง 240 ล้านปีและบางครั้งถูกเรียกว่า  "ฟอสซิลที่มีชีวิต"     ต้นแปะก๊วยมีความแข็งแรงมาก  และเติบโตได้ง่าย       มีความสูงได้ถึง 30-40 เมตร

         ต้นแปะก๊วยเข้ามาในยุโรปในศตวรรษที่ 17     ใบที่มีลักษณะเป็นรูปพัด   มีสารสำคัญหลายชนิด  โดยเฉพาะ ginkgoflavone glycosides และ terpene lactones    เป็นส่วนประกอบที่มีคุณสมบัติในการรักษาโรค

คุ้มค่าสำหรับการลงทุนเพื่อสุขภาพ
         หากคุณต้องการประโยชน์อย่างเต็มที่จากใบแปะก๊วย    Bio-Biloba เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด การศึกษาระหว่างประเทศแสดงให้เห็นว่า  องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์นี้ให้ประโยชน์ 'คุ้มค่า' ที่สุด

ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ บริสุทธิ์ และปลอดภัย

         จากการศึกษา โดยชาวดัตช์ (Dutch study) ที่เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์แป๊ะก๊วย 21ชนิด    สรุปไว้ว่า ผลิตภัณฑ์ Bio-Biloba เป็นผลิตภัณฑ์ที่บริสุทธิ์ที่สุดในท้องตลาด (1)

คุ้มค่าเงินที่ซื้อ
         อีกการศึกษาหนึ่ง โดยชาวดัตช์อีกเช่นกัน จากองค์กรผู้บริโภคประเทศเนเธอร์แลนด์ “Consumentenbond” ทำการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์แป๊ะก๊วย 18 ชนิด ได้สรุปว่า สารสกัดแป๊ะก๊วยในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไบโอ-บิโลบามีคุณภาพเหนือกว่ายี่ห้ออื่น  และมีปริมาณสารออกฤทธิ์สูงสุด ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไบโอ-บิโลบา เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้ประสิทธิภาพดีและคุ้มค่าที่สุดในท้องตลาด (2)

ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของผลิตภัณฑ์ใบแปะก๊วยยี่ห้อต่างๆในตลาดสหราชอาณาจักร

1. จุลสารข่าวสุขภาพ คู่มือผู้บริโภคโดย "คอนสูมเมอร์บอน์ด "ฉบับ สิงหาคม ค.ศ. 2003 (Niewsbrief Gezond of Consumentenbond august 2003.)
2. กราฟ -"ผลิตภัณฑ์ที่ถูกเลือกอันดับแรกเพราะมีค่าใช้จ่ายต่อวันต่ำที่สุด" คู่มือผู้บริโภคโดย คอนสูมเมอร์บอน์ด ฉบับ สิงหาคม ค.ศ. 1995 (First choice for lowest cost per day: Consumentegids of Consumentenbond august 1995). 1995.

 

วิธีใช้และข้อบ่งใช้ทางยา

         อ้างอิงงานวิจัยในห้องปฏิบัติการทั้งในสัตว์และในมนุษย์    แปะก๊วยสามารถใช้ได้ในผู้ป่วยกลุ่มต่างๆดังต่อไปนี้:

กลุ่มอาการสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์

         แปะก๊วยเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในทวีปยุโรปในการใช้รักษากลุ่มอาการสมองเสื่อม   โดยตอนแรกนั้นแพทย์ทั้งหลายเข้าใจว่า  เนื่องจากแปะก๊วยช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดในสมอง    แต่ในปัจจุบันงานวิจัยเผยว่า  มันอาจช่วยปกป้องเซลล์ประสาทที่ถูกทำลายจากโรคอัลไซเมอร์     งานวิจัยหลายชิ้นพิสูจน์แล้วว่า  แปะก๊วยมีผลดีต่อความทรงจำและการคิดของผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์  หรือภาวะสมองเสื่อมจากสมองขาดเลือด
         งานวิจัยหลายชิ้นเผยว่าแปะก๊วยอาจสามารถช่วยผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ดังต่อไปนี้:

  • ช่วยส่งเสริมสมรรถนะด้านการคิด การเรียนรู้ และความจำ 
  • ช่วยให้ทำกิจวัตรประจำวันได้ง่ายขึ้น
  • ช่วยส่งเสริมพฤติกรรมทางสังคม
  • รู้สึกซึมเศร้าน้อยลง

อาการปวดขาเป็นระยะจากการขาดเลือด (Intermittent claudication)

         เนื่องด้วยแปะก๊วยนั้นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด จึงมีการทดลองใช้รักษาคนที่มีอาการ หรือการปวดอันเนื่องมาจากการไหลเวียนของเลือดที่ขาไม่ดี

ต้อหิน

 

         มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า  ผู้ป่วยต้อหินที่รับประทานแปะก๊วยทุกวัน วันละ 120 มิลลิกรัม เป็นเวลา 8 สัปดาห์ช่วยให้เขามองเห็นได้ดีขึ้น

 

โรคจอประสาทตาเสื่อม

 

         สารฟลาโวนอยด์ในแปะก๊วยอาจช่วยยับยั้งหรือลดปัญหาที่จอตา อวัยวะส่วนหลังของตาได้ โรคจอประสาทตาเสื่อมนั้นบ้างก็เรียกว่า โรคจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ (Age-related macular degeneration หรือ AMD) ซึ่งเป็นโรคตาที่กระทบจอตา

วิธีรับประทาน

         ในเด็ก : ไม่ควรให้แปะก๊วยในเด็ก

         ในผู้ใหญ่ : วันละ 100 - 240 มิลลิกรัม

อาจใช้เวลา 4-6 สัปดาห์จึงจะเห็นผล

ข้อควรระวัง

         การใช้สมุนไพรนั้นเป็นวิธีการที่ต้องอาศัยเวลาในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายเพื่อรักษาโรคต่างๆ     อย่างไรก็ตาม  สมุนไพรอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเมื่อใช้ร่วมกับสมุนไพร อาหารเสริม หรือยาอื่น    ด้วยเหตุนี้  การใช้สมุนไพรจึงควรใช้ด้วยความระมัดระวังภายใต้การดูแลของผู้ให้การบริการสุขภาพด้านการแพทย์พฤกษศาสตร์
         โดยปกติแล้วแปะก๊วยมีผลข้างเคียงอยู่บ้าง    ในบางรายอาจมีอาการไม่สบายท้อง ปวดหัว การเปลี่ยนแปลงทางผิวหนัง และอาการเวียนศีรษะ

         แปะก๊วยอาจมีปฏิกิริยาต่อทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ และยาสามัญประจำบ้าน    หากท่านกำลังรับประทานยาดังต่อไปนี้อยู่ ไม่ควรบริโภคแปะก๊วย  จนกว่าจะปรึกษาแพทย์ของท่านเสียก่อน

  • ยาที่ถูกทำลายโดยตับ
  • ยากันชัก
  • ยาแก้ซึมเศร้า
  • ยาสำหรับความดันโลหิตสูง
  • ยาลดความอ้วน
  • อัลปราโซแลม (Xanax)
  • ไอบูโพรเฟน
  • ยาลดน้ำตาลในเลือด
  • ไซโลสปอรีน
  • ยาขับปัสสาวะ Thiazide
  • Trazodone
    * โดยศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแมริแลนด์