The Big C

เพิ่มเพื่อน

         


         เมื่ออยู่ๆคุณถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและหมอกำหนดวันหมดอายุของคุณให้ด้วย     ความหวังคงจะดูริบหรี่สำหรับคุณ     

         เมื่อหมอพูดกรอกหูคุณว่า "คุณจะอยู่ได้ 18 เดือนหากทำคีโม หรือฉายแสง"   ความสิ้นหวังก็จะยิ่งก่อตัวเพิ่มขึ้นในใจคุณ

         และหากหมอบอกคุณว่า "คุณจะอยู่ได้อีก 6 เดือนหากคุณไม่เข้ารับการรักษา"    นั่นคงจะเป็นเหมือนถูกฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้ากลางศีรษะ   ความหวังของคุณคงจะเหมือนฝันอันเลื่อนลอย

         แต่มันไม่ควรเป็นเช่นนั้น

 

         โปรดจำใส่ใจไว้เลยว่า  "มะเร็ง" เป็นแค่คำๆหนึ่ง!ซึ่งมันจะฆ่าคุณก็ต่อเมื่อคุณยอมให้มันฆ่าคุณ     จริงๆแล้ว "มะเร็ง" เป็นแค่สิ่งที่ร่างกายต้องการบอกคุณว่า"Houston, we have a problem!"   และปลุกคุณให้ตื่นขึ้นมาเพื่อไปใช้ชีวิตในวิธีที่ให้ร่างกายรักษาตัวเองได้    วิถีชีวิตที่หลายคนได้ละทิ้งไปตั้งนานแล้ว

         และไม่จำเป็นต้องเป็นมะเร็งอย่างเดียว   ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ, เบาหวาน, โรคภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง หรือโรคของความเสื่อมของระบบประสาท   มันก็ยังมีหวังเสมอ    แต่น่าเศร้าที่ความหวังนี้แทบจะไม่มีในการรักษาแบบทั่วไป (conventional medicine)  เพราะมันจำกัดตัวเองอยู่แค่การดูแลประคับประคอง และการจัดการกับอาการของโรค  ไม่ใช่การจัดการกับต้นเหตุของโรค (healing)    และมันก็ไม่ควรเป็นเช่นนั้นอีกเหมือนกัน

         การรักษาแผนปัจจุบันนั้น   ได้หมุนวนเข้าสู่การแสวงหาอำนาจ, เงินตรา และสิ่งแลกเปลี่ยน     การเป็นพันธมิตรกันระหว่างการแพทย์แผนตะวันตก, บริษัทยา, บริษัทประกัน และองค์กรอาหารและยา   ได้สร้างธุรกิจขนาดมหึมาขึ้น  เรียกว่า "sick care"  ซึ่งเน้นสร้างผลกำไรมากกว่าการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง   และให้ความสำคัญกับความจำเป็นของผู้ป่วยตามหลัง "สุขภาพ" ของธุรกิจ

         แม้จะมีปัญหาฝังลึกถึงเพียงนี้   แต่ก็ยังคงมีหวังเสมอ     การมีสุขภาพดี และความสามารถในการรักษาเยียวยาตัวเอง อยู่ภายในตัวเราเสมอ    ทั้งๆที่ในความเป็นจริง  พวกเราส่วนใหญ่ได้ละเลยสิ่งเหล่านั้นไป

         การรักษาด้วยวิธีการทางธรรมชาติ ซึ่งถูกเรียกผิดว่าเป็น "การแพทย์ทางเลือก"   เป็นการรักษาที่แท้จริงในยุคปัจจุบัน และในอนาคต     ปัจจุบัน  เรามีความรู้ว่าอะไรทำให้ร่างกายรักษาตัวเอง และอะไรไม่ช่วย      มันเป็นเหตุผลที่สมควรหรือ  ที่เอาสารเคมีและรังสี  ใส่เข้าไปในร่างกายที่ป่วยเพราะสารเคมีและรังสี?    ใครจะไปทำอย่างนั้น?   แต่ปรากฏว่ามันเกิดขึ้นทุกวันในโลกปัจจุบัน      เรารักษาการติดเชื้อด้วยยาปฏิชีวนะ ซึ่งมีโอกาสฆ่าเชื้อก่อโรคเพียงเล็กน้อย  แต่กลับไปฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในร่างกาย ซึ่งเป็นแหล่งของระบบภูมิคุ้มกันถึง 2/3 ของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย      เรา"จัดการ" กับเบาหวานประเภทที่ 2 ด้วยอินซูลิน และยา แทนที่จะทำให้ร่างกายกลับสู่โหมดรักษาตัวเองภายในเวลา 120 วัน หรือมากกว่านั้น - ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา        เราเป็นโรค MS (Multiple Sclerosis) คือโรคปลอกประสาทเสื่อม หรือโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองอื่นๆทั้งหมด  ส่วนใหญ่เพราะเรารับประทานอาหารไม่ถูกต้อง, เรารับสารเคมี, สารพิษ และรังสีเข้าร่างกาย - และไม่เคยดีท๊อกซ์

         คุณอาจไม่รู้ว่า  โรคพวกนี้  และความเจ็บป่วยแทบทุกชนิด   ร่างกายรักษาตัวเองได้      ความเจ็บป่วยทุกชนิดที่คุณได้รับการวินิจฉัย และถูกจ่ายยาหลายชนิดมาให้รับประทาน    สามารถใช้วิธีตามธรรมชาติมาแก้ปัญหาของโรคดังกล่าวได้ดีกว่า  การกระหน่ำกินยาซึ่งเป็นสารเคมี ซึ่งก็แค่ไปลดอาการของโรคเท่านั้น

         ที่กล่าวมาทั้งหมด เพียงเพื่อจะยืนยันว่า มีความหวังเกิดขึ้นได้ในทุกๆสถานการณ์    ตราบเท่าที่คุณยังหายใจอยู่ - คุณยังมีหวัง       จำคำกล่าวนี้ให้ขึ้นใจ เมื่อคุณถูกวินิจฉัยด้วยโรคอะไรก็ตาม  แม้จะเป็นเจ้า "Big C" มาเยือนถึงบ้านก็ตาม     เราเห็นผู้คนมากมายเอาชนะมะเร็งอย่างได้ผล  โดยใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง, ด้วยวิธีธรรมชาติ - ไม่ใช่ใช้ยาที่ถูกจ่ายมา หรือทำในสิ่งที่เขาทำตามๆกันมา      เราพบว่า ความหวัง จะทำให้คุณข้ามผ่านเขาลูกสุดท้ายนั้นได้ เมื่อดูเหมือนไม่มีอะไรจะช่วยคุณได้อีกแล้ว      ความหวัง  จะเป็นแรงผลักดันให้คุณช่วยตัวเอง แทนที่จะเอาชีวิตไปฝากไว้ในมือของคนที่ไม่ได้เอาชีวิตเขามาเดิมพันชีวิตคุณว่าจะอยู่หรือตาย      ความหวัง  จะผลักคุณขึ้นสู่ผิวน้ำ เมื่อคุณรู้สึกว่ากำลังจะจมสู่ทะเลความเจ็บป่วย

         เรา... WellnessHealths พร้อมจะช่วยคุณ

4 ปัจจัยและกลยุทธ์ในการป้องกันการแพร่กระจายของมะเร็ง


April 12, 2017

 

         อัตราการตายที่เพิ่มขึ้น ที่เกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายของมะเร็ง ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อชุมชนการวิจัยโรคมะเร็งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา       การแพร่กระจายของมะเร็งมีความซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมที่ส่งผลให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโต

         ปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นวงจร เป็นตัวขับเคลื่อนมะเร็งตั้งแต่เริ่มต้น       ความเครียดนำไปสู่ความเสียหายของเซลล์       ความเสียหายของเซลล์ที่ไม่ได้รับการรักษา จะทำให้เกิดการอักเสบ และความผิดปกติทางพันธุกรรมมากขึ้น ซึ่งทำให้ความสามารถในการพัฒนาของมะเร็งรุนแรงขึ้น       การอักเสบจะทำลายการส่งสัญญาณของเซลล์ที่มีสุขภาพดี  ทำให้เซลล์มะเร็งสร้างเนื้องอกและแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย (metastasize)

         ต่อไปนี้จะกล่าวถึงปัจจัยหลัก 4 ประการ ที่ทำให้เกิดการแพร่กระจายของมะเร็งในร่างกาย       นอกจากนี้คุณยังจะได้เรียนรู้วิธีธรรมชาติในการต่อสู้กับความหายนะภายในเซลล์ และวิธีตรวจหามะเร็งในระยะเริ่มต้น

 

ปัจจัย # 1: การอักเสบเรื้อรัง

          แรงผลักดันสำคัญประการหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการแพร่กระจายของมะเร็ง คือ การอักเสบทั่วทั้งระบบของร่างกาย       คาดว่าการอักเสบเรื้อรังเป็นสาเหตุหลักใน 25% ของเคสมะเร็งในมนุษย์       ภาวะการอักเสบมีส่วนช่วยให้เซลล์มะเร็งเติบโตอย่างรวดเร็ว, สร้างเนื้องอก และแม้แต่ต่อต้านยารักษามะเร็ง

         การอักเสบ เพิ่มความเสียหายของเนื้อเยื่อ และเป็นสาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของ epigenetic       ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์เคยคิดว่า ยีนที่เราได้รับตั้งแต่แรกเกิดนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้    แต่การศึกษาเรื่อง epigenetics แสดงหลักฐานว่า  ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่เราสัมผัส (เช่น โภชนาการ, สารพิษ, ความเครียด) สามารถปิด/เปิดยีน และทำให้เกิดความผิดปกติทางพันธุกรรมได้

 

 การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมส่งผลให้เกิดผลดังนี้ :

  • การกระตุ้น EMT Activity : EMT (epithelial-mesenchymal transition) Activity ถูกกระตุ้นทำให้เกิดช่องทางมากมายที่ทำให้การอักเสบเรื้อรังดำเนินไป       EMT ช่วยเพิ่มการเคลื่อนย้ายของเซลล์เนื้องอก โดยการทำลายจุดยึดของเซลล์มะเร็ง  ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนย้ายและบุกรุกไปยังเนื้อเยื่อใหม่

 

  • Transcriptional Changes (การเปลี่ยนแปลงของกระบวนการลอกรหัส) : transcription factors หลายอย่างที่ทำหน้าที่เป็นสวิตช์เปิด / ปิดการแสดงออกของยีนถูกเปลี่ยนแปลงภายใต้สภาวะการอักเสบ       ปัจจัยควบคุมเหล่านี้มีความสามารถในการยับยั้ง E-cadherin ซึ่งโดยปกติมีคุณสมบัติเป็นเหมือนกาวที่ยึดเซลล์ให้ติดกับตำแหน่งนั้นๆ

 

  • การหลั่งสารของเซลล์ภูมิคุ้มกัน :  Inflammatory cells เช่น ลิมโฟไซต์ และนิวโทรฟิลแทรกซึมเข้าไปในเนื้องอก  เกิดการปลดปล่อยสารอื่น ๆออกมา ที่ส่งเสริมการแพร่กระจายของมะเร็ง เช่น ไซโตไคน์ และ growth factors

 

  • Overexpression of LOX (การแสดงออกของ LOX ยีน มากเกินไป) : LOX หรือไลซิล ออกซิเดส  ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการยึดเกาะของเซลล์       ผลคือ  การแสดงออกของยีน LOX ที่เพิ่มขึ้น  ทำให้เกิดอิทธิพลหลายประการดังกล่าวข้างต้นรวมถึง EMT activation และการยับยั้ง E-cadherin activity

 

ปัจจัย # 2: การส่งสัญญาณ Nrf2 ที่เปลี่ยนแปลงไป

         การส่งสัญญาณของ Nrf2 (nuclear factor-E2-related factor 2) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานหลายอย่างในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาซ่อมแซมตัวเอง       Nrf2 ช่วยในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ และมีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่ควบคุมการยึดเกาะของเซลล์       นอกจากนี้ยังควบคุมการทำงานของเอนไซม์ และการตายของเซลล์ (apoptosis) และทำหน้าที่เป็นระบบต้านอนุมูลอิสระขั้นสูง

         transcription factor นี้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแท้จริงในการรักษาสภาวะสมดุลทั่วร่างกายผ่านการจัดการความเครียด       โมเลกุลของความเครียดที่สำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ reactive oxygen species (ROS), ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H202) และ reactive nitrogen species (RNS) เป็นพิษต่อระบบทางชีววิทยา และได้รับการควบคุมโดย Nrf2
         
ในที่สุดความเครียดจากการออกซิเดชั่นจะย่อยสลาย Nrf2 ทำให้ Nrf2 ไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม ในขณะที่ช่วยให้เซลล์จัดการกับความเครียดได้อย่างเหมาะสม

 

ปัจจัย # 3: การหลั่งเอนไซม์ที่ละลายเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน

          การทำงานที่มากเกินไปของเอ็นไซม์ metalloproteinases หรือ MMPs บ่งบอกถึงการแพร่กระจายของมะเร็ง (metastasis)       MMPs เป็นกลุ่มของเอนไซม์ที่ทำลาย extracellular matrix ภายในเซลล์       โดยปกติเซลล์ที่มีสุขภาพดีจะใช้เครือข่ายเนื้อเยื่อเกี่ยวพันนี้ เพื่อสื่อสารกับเซลล์อื่น ๆ และสิ่งแวดล้อม   ในขณะเดียวกันก็ให้โครงสร้าง และทำหน้าที่ทางสรีรวิทยาต่างๆ


         เมื่อเมทริกซ์นี้ถูกย่อยสลาย  จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเติบโตของมะเร็ง       เนื่องจากความสามารถในการซึมผ่านของเซลล์ที่เพิ่มขึ้น, เกิดการเปลี่ยนแปลงการตอบสนองต่อสิ่งเร้ารอบข้าง  รวมถึงการสร้างเส้นเลือดใหม่ (angiogenesis) และการอักเสบของระบบต่างๆในร่างกายที่เพิ่มขึ้น       จากเอ็นไซม์ในกลุ่ม MMP ทั้งหมด 21 ตัว ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะเรื้อรัง และโรคต่างๆในร่างกาย    มีเพียงไม่กี่ตัวที่ใช้เป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ (biomarkers)ในการระบุชนิดของมะเร็งที่ลุกลาม

          MMP-13 activity จะเด่นชัดในมะเร็งเต้านมระยะแพร่กระจาย, มะเร็งทางเดินปัสสาวะ  ตลอดจนมะเร็งที่ผิวหนัง, ศีรษะ และลำคอ       MMP-11 เด่นชัดในมะเร็งเต้านม และมะเร็งผิวหนัง       MMP-2 และ MMP-9 มีบทบาทสำคัญในการก่อมะเร็ง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการเติบโตของเนื้องอก


         โดยเฉพาะอย่างยิ่ง   MMP เหล่านี้สนับสนุนปัจจัยในการเกิดระยะแพร่กระจายของมะเร็ง เช่น การสร้างหลอดเลือด       พวกมันทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมการจราจร  ส่งสัญญาณไปยังสารประกอบที่ก่อให้เกิดการอักเสบ และนำทางไปยังตัวรับ ( receptors)       เมื่อ MMP จับกับตัวรับเหล่านี้   พวกมันจะกระตุ้นปัจจัยอื่นๆอีกมากมายที่ส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของมะเร็ง

 

ปัจจัย # 4: Angiogenesis

          การสร้างหลอดเลือดใหม่ (Angiogenesis)ไปยังเซลล์ที่ผิดปกติ  จะส่งเสริมให้เนื้องอกลุกลาม เนื่องจากช่วยให้เซลล์มะเร็งมีการไหลเวียนเลือดดีขึ้น และได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการบุกรุกเนื้อเยื่อใหม่


         พลังงานนี้ จะกระตุ้นให้เนื้องอกสร้างการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพเมื่อมันบุกรุก และมีปฏิสัมพันธ์กับเซลล์บุผนังหลอดเลือด       ชั้นบาง ๆ ของเซลล์บุผนังหลอดเลือด (endothelial cells) เรียงตัวกันบนผนังหลอดเลือด และท่อน้ำเหลือง       เมื่อเซลล์มะเร็งเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับเซลล์เหล่านี้   มะเร็งจะมีความสามารถในการไหลเวียนไปทั่วร่างกาย และบุกรุกเนื้อเยื่อที่อยู่ห่างไกล

         เมื่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น และมะเร็งเติบโตขึ้น   สภาวะของการขาดออกซิเจน (hypoxia)จะเพิ่มขึ้น   ทำให้เกิดการทำงานของ LOX และก่อให้เกิดภาวะที่ไม่พึงประสงค์ แต่เป็นที่ชื่นชอบต่อเนื้องอก       การอักเสบเรื้อรัง นำไปสู่เซลล์อักเสบ, ความเครียดจากออกซิเดชั่น ( oxidative stress)เป็นเวลานาน  และทำให้ร่างกายไม่สามารถระบุและกำจัดการเติบโตของมะเร็งที่ติดเชื้อได้

 

กลยุทธ์การป้องกันเนื้องอกมะเร็ง

         กลยุทธ์ต่อไปนี้ จะเพิ่มคุณสมบัติในการป้องกันมะเร็งของเซลล์ และจำกัดความเป็นพิษต่อเซลล์ที่กระตุ้นการแพร่กระจายของมะเร็ง

# 1. จำกัด การทำงานของเอ็นไซม์ MMP 

         การปรับปรุงการทำงานของ MMP ในเซลล์เป็นสิ่งสำคัญในการลดการสลายตัวของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันภายในเซลล์ และต่อสู้กับการแพร่กระจายของมะเร็ง       ตัวอย่างสารอาหารที่ดีที่สุดที่ยับยั้งการทำงานของ MMP และส่งเสริมการล้างพิษในร่างกาย ได้แก่

  • โพลีฟีนอล: EGCG (epigallocatechin-3-gallate) ที่พบในชาเขียว, เรสเวอราทรอลในองุ่นและผลเบอร์รี่สีเข้ม และขมิ้นชันที่ออกฤทธิ์โดยเคอร์คูมิน
  • ฟลาโวนอยด์: Quercetin ส่วนใหญ่พบในผลไม้รสเปรี้ยว และแอปเปิ้ล
  • ไอโซไทโอไซยาเนต (Isothiocyanates) : สารประกอบที่มีกำมะถัน และซัลโฟราเฟน (sulforaphane) พบมากในบรอกโคลี และผักตระกูลกะหล่ำหลายชนิด

         การรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้มากขึ้น  พบว่าช่วยในการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งต่อมลูกหมาก, ไต และมะเร็งตับ ฯลฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ       ไฟโตเคมีคอลในอาหาร ให้ประโยชน์ในการป้องกันมะเร็งอย่างมีนัยสำคัญ และมีผลในการทำให้เซลล์มะเร็ง และเซลล์เนื้องอกตาย       นอกจากนี้  สามารถเพิ่มความแข็งแรงสมบูรณ์ของเซลล์ได้ด้วยการบริโภคอาหารที่มีสังกะสี, แมกนีเซียม และวิตามินซี

 

 # 2. ทานอาหารต้านการอักเสบ

         การบริโภคอาหารต้านการอักเสบ และป้องกันมะเร็ง  เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการแพร่กระจายของมะเร็ง       สารอาหารเหล่านี้ยับยั้งเอ็นไซม์ที่ทำให้เกิดการอักเสบและยับยั้งการก่อมะเร็ง:

  • Berberine : เป็นยาปฏิชีวนะจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบอย่างมีประสิทธิภาพ พบในราก goldenseal และรากโอเรกอน เกรป (Oregon grape)
  • Luteolin : ยับยั้งมะเร็งโดยกระตุ้นเอนไซม์และช่วยกำจัดสารพิษ       พบในชาคาโมมายล์, ขึ้นฉ่ายฝรั่ง และพริกเขียว
  • เคอร์คูมิน : บล็อก TNF (tumor necrosis factor) จึงลดการเติบโตของเนื้องอก       เป็นส่วนประกอบออกฤทธิ์ที่อยู่ในขมิ้น
  • Kaempferol และ Quercetin : ยับยั้งการสังเคราะห์กรดยูริก       พบมากในแบล็กเบอร์รี่, ผักโขม, หัวหอม และแตงกวา
  • Apigenin : กำจัดอนุมูลอิสระ และช่วยในการล้างพิษ       มีมากในหัวหอม, ส้ม และเกรปฟรุต

         กุญแจสำคัญในการป้องกันการอักเสบเรื้อรัง และยับยั้งการเติบโตของมะเร็ง คือ การจำกัด อาหารที่มีน้ำตาล และแป้งสูง       ธัญพืชดัดแปลงพันธุกรรม (GMO) ได้ท่วมล้นตลาด และกระตุ้นการเติบโตของมะเร็งด้วยการให้กลูโคสแก่เซลล์มะเร็งอย่างต่อเนื่อง 

         แทนที่จะกินอาหารที่ไปเลี้ยงมะเร็ง   ควรทำให้เซลล์มะเร็งขาดอาหารด้วยการบริโภคอาหารที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำอยู่เสมอ       อาหารเหล่านี้ ได้แก่ เนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า 100% และชีสดิบ  และสัตว์ปีกที่เลี้ยงในทุ่งหญ้าแบบออร์แกนิก       การเพิ่มการรับประทานอาหารหมัก (fermented foods) และเครื่องดื่มที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ  จะช่วยให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เป็นด่างในเนื้อเยื่อ และอวัยวะ   ยับยั้งการพัฒนาและการแพร่กระจายของมะเร็ง

 

 # 3. เพิ่มการทำงานของ NRF2 Pathway

 

         เป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างกลไกต้านการอักเสบที่ควบคุมโดยการส่งสัญญาณ Nrf2 เพื่อปกป้องเซลล์จากความเสียหายของออกซิเดชัน และอนุมูลอิสระ       นี่คือเหตุผลที่สารอาหารที่มีอยู่มากมายในอาหารจากพืช (plant-based diet) มีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง       สารพฤกษเคมี (Phytochemicals)ในผักและผลไม้  ป้องกันการเกิดมะเร็ง โดยการส่งเสริมเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระและกระบวนการล้างพิษ

 

 

สารพฤกษเคมีในอาหาร เพิ่มการทำงานของ Nrf2 ด้วยวิธีต่อไปนี้ :

  • ยับยั้งการปล่อยสารที่ส่งเสริมการอักเสบที่กระตุ้นให้เกิดการแพร่กระจายของมะเร็ง
  • ป้องกันการกลายพันธุ์ และการเปลี่ยนแปลงของ epigenetic
  • ระงับปัจจัยที่ทำให้เซลล์มะเร็งอยู่ในสถานะการแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง   จึงปิดความสามารถในการเติบโตและแบ่งตัว
  • ยับยั้ง transcription factors ที่รับผิดชอบในการปิดกลไกการป้องกันของร่างกายเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ

         สารประกอบสำคัญในอาหารที่เพิ่มการทำงานของ Nrf2 Pathway ได้แก่ เคอร์คูมิน,      เรสเวอราทรอล, สารสกัดจากชาเขียว และซัลโฟราเฟน เป็นต้น

หนังสือ

  • หนังสือ "Killing Cancer Not People"
    1,000.00 ฿