Raw Food กับ Cooked Food: อะไรอยู่บนจาน

         เกือบจะทุกคนชอบอาหารจานร้อนที่น่ารับประทาน     อาหารอบ ตุ๋น, อาหารผัด, ซุปสตูว์ทั้งหลาย
... ถ้ามันเป็นอาหารจานนึ่งอร่อย และเต็มไปด้วยส่วนผสมที่มีรสชาติ คนส่วนใหญ่จะเลือกรับประทาน
อาหารเหล่านี้ แทนอาหารจานที่เรียบง่าย และประกอบไปด้วยผักเป็นส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้
ก็คือ กระบวนการปรุงอาหาร (การทำให้อาหารมีรสชาติดี) จะไปเปลี่ยนองค์ประกอบ และโครงสร้างของ
raw food ในความเป็นจริง มันสามารถกำจัดองค์ประกอบทางโภชนาการที่สำคัญที่ร่างกายของเรา
ต้องการสำหรับการย่อยอาหารและการดูดซึมที่เหมาะสม นั่นคือ: เอ็นไซม์

         ถึงแม้ว่า เอ็นไซม์ จะไม่ได้รับความสนใจอย่างที่ควรจะเป็น   แต่เอนไซม์ก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงานที่ร่างกายของเราสามารถนำไปใช้ได้       โดยธรรมชาติ เอ็นไซม์ มีอยู่แล้วในอาหาร raw food

         ในทางกลับกัน  อาหารที่ปรุงสุก, พาสเจอร์ไรส์และ/หรือแปรรูป  มีเอ็นไซม์น้อย หรือไม่มีเลย      แต่อาหารเหล่านี้กลายเป็นอาหารที่หลายคนต้องพึ่งพาในการดำรงชีวิตประจำวันโดยไม่ทราบถึงความจริงที่ว่า  พวกเขาจะไม่ได้รับสารอาหารที่พวกเขาคิดว่าจะได้  เนื่องจากการขาดเอ็นไซม์นั่นเอง
 
         อาหารที่ "ตาย" เหล่านี้ ปราศจากเอ็นไซม์ และสร้างภาระอันหนักอึ้งให้กับปริมาณสำรองของเอ็นไซม์ในร่างกาย ซึ่งจะต้องถูกใช้เพื่อให้อาหารที่"ตาย"แล้วเหล่านี้ถูกย่อย และส่งผ่านเข้าระบบของร่างกาย      ร่างกายเราได้รับการตั้งโปรแกรมให้แก้ไขข้อบกพร่องนี้ โดยทำงานหนักเป็นพิเศษเพื่อใช้เอ็นไซม์ที่มีเก็บสำรองไว้ในร่างกาย     แต่ก็ทำได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น   จนในที่สุดก็ถึงจุดที่เอ็นไซม์สำรองในร่างกายหมดลง จากการที่ต้องถูกนำไปใช้กับอาหารแปรรูป

         ในช่วงเวลานี้เองที่การขาดเอ็นไซม์ เริ่มแสดงอาการไม่พึงประสงค์ - เช่น อาหารไม่ย่อย, ท้องผูก และในที่สุดก็แย่ลงมาก ...จนถึง โรคเรื้อรังและความตาย

เอ็นไซม์จากอาหาร raw food: การกินเพื่อชีวิต

         หากนี่เป็นครั้งแรกที่คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับเอ็นไซม์  ไม่ใช่คุณคนเดียวอย่างแน่นอน แม้ว่าข้อเท็จจริงที่ว่า เอ็นไซม์ เป็นหนึ่งในปัจจัยร่วมด้านอาหารที่สำคัญที่สุดในการบำรุงร่างกาย   แต่เอ็นไซม์ก็มักจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผู้คนนึกถึงเมื่อรับประทานอาหาร      นั่นเป็นเพราะผู้ให้คำแนะนำด้านอาหารในสื่อกระแสหลัก มักไม่ค่อยพูดถึงเอ็นไซม์ - อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอ็นไซม์คืออะไร และเหตุใดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการมีสุขภาพที่ดี

 

          ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลดังกล่าว หรือเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการยอมรับต่อสาธารณชนว่า วิธีการแปรรูปอาหาร, การบรรจุภัณฑ์ และการเสิร์ฟอาหารที่ทำๆอยู่ ได้ทำลายปริมาณของเอ็นไซม์ไปแล้ว      บางทีถ้ามีคนรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้น ก็อาจกระตุ้นให้พวกเขาเลือกอาหารที่แตกต่างจากเดิม

แม้ว่าเอ็นไซม์จะไม่ได้รวมอยู่ในกลุ่มของอาหารที่เราจัดกลุ่มกัน แต่ความจริงก็คือ เอ็นไซม์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิต การกินอาหาร raw food หรือใกล้เคียง raw food ให้มากที่สุด จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า สารอาหารในอาหารนั้นจะมีประโยชน์ทางชีวภาพอย่างเต็มที่เพื่อสุขภาพสูงสุดของร่างกายเรา

ตัวอย่างของเอ็นไซม์ที่จำเป็นสำหรับการย่อยอาหาร และการนำสารอาหารไปใช้:

  • อะไมเลส, กลูโคอะไมเลส และไฟเตส  อยู่ในกลุ่มของเอ็นไซม์ที่สลายคาร์โบไฮเดรต
  • Alpha galactosidase, hemicellulase และ invertase   ย่อยสลายน้ำตาล
  • โบรมีเลน, ปาเปน, โปรตีเอส และเปปทิเดส  ย่อยสลายโปรตีน
  • และ ไลเปส  ย่อยสลายไขมัน

 

เอ็นไซม์ตายที่อุณหภูมิใด?

 

         อาหารใด ๆ ที่ได้รับความร้อนสูงกว่า 48 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดการสลายตัวของเอ็นไซม์ไปในระดับหนึ่งแล้ว      อาหารสะดวกซื้อ, อาหารจานด่วน และอาหารแปรรูปส่วนใหญ่ จะปรุงที่อุณหภูมิสูงกว่านี้   วิธีการปรุงอาหารแบบดั้งเดิม ก็ยังทำให้อาหาร..หากมองในแง่ของเอ็นไซม์  กลายเป็นอาหารที่"ตายแล้ว" อยู่ดี

         แต่ไม่ได้หมายความว่า ร่างกายของคุณไม่สามารถรับสารอาหารจากอาหารที่ "ตายแล้ว" ได้      สามารถทำได้ โดยการใช้เอ็นไซม์ย่อยอาหาร และเมตาบอลิซึมที่ร่างกายสร้างได้เอง      แต่วิธีนี้ ไม่ใช่สถานการณ์ในอุดมคติ หรือยั่งยืน  เนื่องจากปริมาณเอนไซม์สำรองของร่างกายมีจำกัด และอาจหมดลงเมื่อใช้มากเกินไป
 
         การกินอาหาร Raw food หรือที่บางคนเรียกว่า “กินเพื่อชีวิต” หมายความว่า  ร่างกายของคุณจะไม่ต้องใช้เอ็นไซม์ที่เก็บสะสมไว้  เพราะในอาหาร Raw food มีเอ็นไซม์ในตัวเอง      อาหาร Raw food ประกอบไปด้วยสิ่งที่ร่างกายต้องการอย่างครบถ้วน เพื่อให้แน่ใจว่าสารอาหารไปถึงทุกที่ในร่างกายที่ต้องการโดยไม่ต้องกินมากเกินไป      ในทางกลับกัน การกินอาหารแปรรูป และสุกเกินไป หรือที่คุณอาจเรียกว่า “กินให้ตาย”  จะบังคับให้ร่างกายต้องชดเชยการขาดเอ็นไซม์โดยการใช้เอ็นไซม์ของตัวเอง
 
         พูดง่ายๆก็คือ  อาหารควรจะให้ชีวิตกับร่างกายของเราได้อย่างง่ายดาย      แต่ไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่ออาหารที่เรารับประทานขาดเอ็นไซม์  จึงบังคับให้ร่างกายต้องแก้ไขข้อบกพร่องนี้ด้วยเอ็นไซม์เมตาบอลิซึมของตัวเอง

         การที่ต้องใช้เอ็นไซม์ในการเผาผลาญของร่างกาย เพื่อเติมเต็มช่องว่างของการขาดเอ็นไซม์ในอาหาร  ทำให้เกิดสถานการณ์ที่ร่างกายสูญเสียเอ็นไซม์ไปบางส่วน (หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุด..  เสียไปทั้งหมด) ที่ต้องใช้สำหรับการผลิตพลังงาน และการสร้างเซลล์ใหม่ และการล้างพิษซึ่งนำไปสู่ปัญหาสุขภาพนานับประการ

การรับประทานอาหาร Raw food, การคั้นน้ำผัก ผลไม้ และการเสริมด้วยเอนไซม์

51e5d0444856b108f5d084609629367c1336dfe1544c704c7c2972d7974fc45b_1280.jpg

 

         เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่คุณต้องการหลีกเลี่ยง  ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับเอ็นไซม์เพียงพอในอาหารประจำวัน      วิธีหนึ่งที่มั่นใจได้เลย คือการกินอาหาร Raw food ให้มากขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำคั้นสดจากผักและผลไม้      เหตุผลที่การคั้นน้ำผักผลไม้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในแง่ของเอ็นไซม์ก็คือ  ไม่เพียงแต่ให้สารอาหารเท่านั้น แต่ยังมีเอ็นไซม์จากผักผลไม้สด  และเป็นน้ำผักผลไม้ที่ดื่มง่าย ซึ่งคุณสามารถพกพาไปได้ทุกที่

เคล็ดลับในการได้รับสารอาหารสูงสุดจากน้ำคั้นผักผลไม้สด : ใช้ผลิตผลออร์แกนิก, บริโภคโดยเร็วที่สุดหลังจากคั้นน้ำผักผลไม้ และเก็บของเหลือไว้ในภาชนะแก้ว แทนภาชนะพลาสติก อีกวิธีหนึ่งในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับเอนไซม์อย่างเพียงพอ เพื่อไม่ให้สร้างภาระมากเกินไปกับเอ็นไซม์ที่เก็บสะสมไว้ในร่างกาย คือ การเสริมด้วยเอ็นไซม์ที่ได้จากอาหาร โดยการเสริมด้วยเอ็นไซม์ครบทุกชนิดในอาหารทุกมื้อ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารปรุงสุก และแปรรูป จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าร่างกายของคุณจะสามารถใช้เอ็นไซม์ของตัวเองได้อย่างเต็มที่เพื่อการบำรุงและซ่อมแซมร่างกาย มากกว่าจะไปใช้ย่อยอาหารที่ขาดเอนไซม์

 

         สิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการรับประทานเอ็นไซม์เสริม คือ เอ็นไซม์ใด ๆ ก็ตามที่เกินความจำเป็นในการใช้ในการย่อยอาหาร จะสามารถถูกนำไปใช้โดยร่างกาย โดยใช้ในการย่อยอาหารและการเผาผลาญต่างๆ      แน่นอนว่า คุณควรเลือกรับประทานอาหารเสริมเอ็นไซม์ที่คุณภาพสูง ที่ออกแบบมาเพื่อทนต่อการถูกย่อยสลายในทางเดินอาหาร และมีการทำงานเป็นระบบ

 

เอ็นไซม์สามารถเพิ่มพลังของคุณได้หรือไม่?

         เอ็นไซม์เสริม สามารถช่วยร่างกายให้แข็งแรงและอ่อนเยาว์      ไม่ใช่แบบใน“ครีมลดริ้วรอยมหัศจรรย์” บางประเภทที่ท้าทายตรรกะ  แต่เป็นเพราะร่างกายของเราต้องการเอ็นไซม์เพื่อซ่อมแซมและเติบโต      นอกจากอาหารแปรรูป และอาหารปรุงสุก เป็นอาหารที่ขาดเอ็นไซม์แล้ว  ร่างกายของเรายังผลิตเอ็นไซม์เมตาบอลิซึมต่างๆได้น้อยลงเรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น      ซึ่งหมายความว่ายิ่งเราได้รับเอ็นไซม์เสริมมากเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะมีสุขภาพดี และมีชีวิตชีวาในระยะยาวก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

 

        เอ็นไซม์เป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารเพื่อสุขภาพ      และหากคุณเป็นเหมือนผู้คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในโลกที่พัฒนาแล้วที่ไม่ค่อยรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของอาหาร Raw food อย่างเข้มงวด  ก็มีโอกาสที่ร่างกายของคุณจะต้องการเอ็นไซม์มากขึ้น

         ความจริงก็คือ ภาวะสุขภาพเรื้อรังหลายอย่างที่ผู้คนเผชิญในปัจจุบัน เกิดจากการขาดเอ็นไซม์พื้นฐาน      เพียงแค่ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับเอ็นไซม์มากเกินพอที่จะทำให้ระบบทั้งหมดในร่างกายของคุณทำงานได้อย่างราบรื่น  รวมถึงการย่อยอาหารของคุณด้วย  คุณก็จะสามารถช่วยให้ร่างกายของคุณหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดในการที่เอ็นไซม์ในร่างกายต้องทำงานมากเกินไปเนื่องจากการขาดของเอ็นไซม์ในอาหาร