CACHEXIA (ภาวะผอมหนังหุ้มกระดูก): ฆาตรกรเงียบที่คนไม่รู้จัก

เพิ่มเพื่อน

         Cachexia รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า wasting disease และ wasting syndrome  เป็นสภาวะที่ร่างกายมีการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ, มวลกระดูก และเนื้อเยื่อไขมันอย่างต่อเนื่อง       หากไม่ได้รับการแก้ไข  cachexia อาจนำไปสู่ความตายได้  และเป็นที่น่าเศร้าที่มักเกิดในผู้ป่วยมะเร็ง

         นอกจากน้ำหนักที่ลดลงแล้ว  อาการของ cachexia ยังมีอีก คือ muscle atrophy (กล้ามเนื้อลีบ), อ่อนเพลีย, ไม่มีแรง, ไม่อยากอาหาร และร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ตามปกติ       Cachexia สามารถบอกได้จากความผิดปกติของกระบวนการ anabolism (เป็นกระบวนการสร้างหรือสังเคราะห์สารจากสารที่มีโมเลกุลขนาดเล็กให้เป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่) และ catabolism (การสลายสารอาหารเพื่อให้ได้ ATP) ในร่างกาย       กระบวนการเมแทบอลิซึมทั้งสองนี้จำเป็นต่อความสามารถของสิ่งมีชีวิตในการดำรงอยู่, เติบโต, สืบพันธุ์, ซ่อมแซม และปรับตัวให้เข้ากับสภาวะแวดล้อม

         คำว่า “cachexia” มาจากภาษากรีก kako (“bad”) และ hexis (“condition”)      นอกจากจะพบในผู้ป่วยมะเร็งแล้ว  ยังพบในผู้ป่วยโรค AIDS, celiac disease (โรคที่ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อกลูเตน), chronic obstructive pulmonary disease (COPD - โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง), multiple sclerosis (โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งหรือโรคเอ็มเอส), Rheumatoid arthritis (ข้ออักเสบรูมาตอยด์), congestive heart failure (ภาวะหัวใจล้มเหลว), tuberculosis (วัณโรค), familial amyloid polyneuropathy, mercury poisoning (acrodynia - ปรอทในระดับสูงสะสมในร่างกาย) และ hormonal deficiency (ภาวะการขาดฮอร์โมน)

         cachexia จะคล้ายกับ sarcopenia (ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย) ในหลายประการ คือ มีการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อโดยรวม โดยจะมีอาการมากขึ้นตามอายุที่มากขึ้น      ทั้ง cachexia และ sarcopenia   การสูญเสียกล้ามเนื้อสามารถนำไปสู่ความอ่อนแอของร่างกาย และคุณภาพชีวิตที่ลดลง  รวมทั้งอัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น  การติดเชื้อ และการลื่นล้ม      นอกจากนี้ยังทำให้การซ่อมแซมตัวเองของร่างกายช้าลง  ออกกำลังกายได้น้อยลง      คำว่า “catabolic wasting” ถูกใช้อธิบายทั้ง cachexia และ sarcopenia

         โดยปกติแล้ว การวินิจฉัยว่าเป็น  cachexia คือ มีน้ำหนักร่างกายลดลงโดยไม่ตั้งใจ มากกว่าหรือเท่ากับ 5% ภายใน 12 เดือน       ในมะเร็งระยะลุกลาม  น้ำหนักผู้ป่วยอาจลดลงอย่างรวดเร็วมาก

Cachexia และโรคมะเร็ง

         เมื่อพูดถึง cachexia และมะเร็ง    มีกลไก 2 อย่างที่เกิดขึ้นคือ  การรับประทานอาหารได้น้อยลง และการเปลี่ยนแปลงของเมทาบอลิซึมในร่างกายของผู้ป่วยมะเร็ง

         การที่ผู้ป่วยมะเร็งรับประทานอาหารได้น้อยลงนั้น  อาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ คือ ความอยากอาหารลดลง, กลืนอาหารลำบาก, คลื่นไส้อาเจียน, ซึมเศร้า ฯลฯ       คนไข้บางคนอาจมีการรับรสอาหารเปลี่ยนแปลงไป  จึงทำให้ไม่ชอบทานอาหาร      นอกจากนี้  มะเร็งบางชนิดอาจทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน  อึดอัดแน่นท้อง  ท้องผูก      ยาแก้ปวดบางชนิดที่ใช้ในโรคมะเร็ง ก็อาจมีผลกระทบต่อความอยากอาหารของผู้ป่วยได้

         การผ่าตัด และการรักษามะเร็งด้วยวิธีอื่นๆ ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักและมวลกล้ามเนื้อของผู้ป่วยลดลง   แต่ตัวโรคมะเร็งเองมักเป็นสาเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเมทาบอลิซึมในร่างกายผู้ป่วยอย่างมาก      มะเร็ง ทำให้ร่างกายหลั่ง inflammatory cytokines และเกิดการเปลี่ยนแปลงในการย่อยสลายและการสังเคราะห์ไขมัน และกรดอะมิโน      นอกจากนี้ ยังทำให้ร่างกายมีการตอบสนองต่ออินซูลินผิดแปลกไป       ผลจากการที่ร่างกายมีกระบวนการต่างๆผิดแปลกไปจากเดิม  คือทำให้น้ำหนักและมวลกล้ามเนื้อของผู้ป่วยลดลง และสุขภาพ ความแข็งแรงโดยรวมของผู้ป่วยลดลง

         Cachexia เป็นสภาวะที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติในผู้ป่วยมะเร็ง  โดยเฉพาะมะเร็งระยะลุกลาม      ประมาณว่า เกิดกับ 85% ของผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม      Cancer-induced cachexia (CIC) มีความเกี่ยวข้องกับการตายด้วยโรคมะเร็ง ในผู้ป่วยที่รักษาโดยการแพทย์สายหลักถึง 20%       ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งในสาขาการแพทย์อื่นๆ เชื่อว่าตัวเลขต้องสูงกว่า 20% มาก      โดยกล่าวว่า  สาเหตุการตายของผู้ป่วยมะเร็งมักถูกรายงานว่าเกิดจากโรคมะเร็งเอง  ในขณะที่สาเหตุการตายที่แท้จริงเกิดจากกระบวนการรักษา ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะ cachexia หรืออวัยวะล้มเหลว

          Naturopathic Ph.D. Marc Swanepoel กล่าวว่า  ภายใต้สถานการณ์ปกติ  ผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามที่ไม่ได้รับการรักษาด้วยคีโม และการฉายแสง  จะเสียชีวิตจากสาเหตุ 3 ประการ คือ:

 

  • จากภาวะ cachexia 
  • จากการที่เนื้อร้ายรบกวนการทำงานของอวัยวะสำคัญ (ตับอ่อน, ไต, ตับ, และปอด) หรือ
  • จากการที่ตับล้มเหลว  เนื่องจากสารพิษในร่างกายมากเกิน  เพราะขาดมาตรการในการปกป้อง และทำความสะอาดตับ และท่อน้ำดี

 

         Dr. Swanepoel ยังกล่าวอีกว่า  หากมีการรักษาด้วยคีโม และ/หรือการฉายแสง  จะมีอีกปัจจัยหนึ่งเพิ่มเข้ามาในสาเหตุของการตาย  ก็คือ หัวใจล้มเหลว       หนึ่งในผลข้างเคียงของยาคีโม และการฉายแสงก็คือ  ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอลง

         จากที่กล่าวไปแล้วว่า  สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งเสียชีวิตคือ  ตับล้มเหลว  ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งในการรักษาแบบวิธีธรรมชาติ/ทางเลือก และการรักษาแบบการแพทย์แผนหลัก      ในการรักษาด้วยแบบแผนทั้งสอง  ปริมาณสารพิษที่ปล่อยออกมาจากเซลล์มะเร็งที่ตาย  มีปริมาณมากล้น  จนทำให้ตับที่แย่อยู่แล้วล้มเหลวได้

 

         Max Gerson, ผู้นำในการรักษามะเร็ง ที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว  ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า  เขาไม่เคยเจอผู้ป่วยมะเร็งแม้สักคนเดียวที่ไม่มีภาวะตับทำงานบกพร่องร่วมด้วย      เมื่อตับทำงานบกพร่อง และท่อน้ำดีไม่เปิด และไหลเวียนไม่ปกติ  จะทำให้ตับทำหน้าที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เนื่องจากมีสารพิษล้นเกินที่ตับจะจะกำจัดได้      การรักษาด้วยคีโมและการฉายแสง เป็นการยิ่งทำลายตับ, หัวใจ และอวัยวะอื่นๆด้วย       และถึงแม้ว่าตับยังไม่ล้มเหลว   ผลเสียที่เกิดจากคีโมและการฉายแสงเอง ก็สามารถก่อให้เกิดภาวะ cachexia ได้

 

บุคคลที่มีภาวะ cachexia ในชีวิตจริง

         ตัวอย่างของผู้เสียชีวิตจากภาวะ cachexia 2 ท่าน ที่ทำให้เราเห็นถึงอันตรายที่เกิดจากภาวะนี้   คนแรกคือ นักแสดงฮอลลิวู้ด Patrick Swayze (แพทริก สเวซี) Patrick Swayze | Patrick swayze, Patrick swayze funeral, Swayze Swayze ปฏิเสธการรักษามะเร็งแบบการแพทย์ทางเลือก   เขาได้ปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์ โดยเข้ารับการรักษาด้วยคีโม และวิธี "ทำให้มะเร็งอดอาหารตาย"      น่าเศร้าที่เมื่อ Swayze ปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าว   เขาลงเอยด้วยการขาดอาหารจนตายจากภาวะ cachexia

         ตัวอย่างที่สองที่เสียชีวิตจากภาวะ cachexia เกิดขึ้นกับเพื่อนทางเฟสบุ๊คของผู้เขียนบทความนี้      เธอเรียกตัวเองว่าเป็นผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็ง ซึ่งเอาชนะมะเร็งมาแล้ว 2 ครั้งด้วยวิธีการรักษาแบบการแพทย์ทางเลือก      ผู้เขียนได้พบในภายหลังว่า เธอไม่ได้พูดความจริงในตอนที่มะเร็งกลับมาเป็นครังที่ 3 และเป็นครั้งสุดท้ายของเธอ

         ความจริงก็คือ  ในแต่ละครั้งที่เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง   เธอจะเริ่มใช้วิธีธรรมชาติก่อนด้วยวิธี parasite cleanses      อย่างไรก็ตาม ในทุกๆครั้ง  เธอจะหันไปรักษาด้วยคีโมเมื่อวิธีการ cleanses ที่เธอทำอยู่ รักษามะเร็งไม่สำเร็จ      มะเร็งที่กลับมาเป็นซ้ำ  จะเป็นชนิดที่รักษายากมากขึ้นเรื่อยๆ (และหากมะเร็งกลับมาเป็นซ้ำหลายครั้ง  โอกาสที่จะกำจัดเซลล์มะเร็งให้ตายหมด แทบจะไม่มี)      การรักษาด้วยคีโม  ไม่สามารถกำจัดสาเหตุของมะเร็งได้  และทั้งคีโมและโรคมะเร็งเอง  ต่างก็ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง

         ทั้งๆที่ ผู้เขียนได้อ้อนวอนเธอให้พิจารณาถึงการรักษาด้วยวิธีทางเลือกที่มีประสิทธิภาพจริงๆ  แต่เธอก็ยังยึดติดอยู่กับคีโม และเชื่อว่าคีโมจะช่วยเธอ “เอาชนะมะเร็ง” ได้ในที่สุด       แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น  เธอลงเอยด้วยการเสียชีวิตจากภาวะ cachexia

         การรักษาด้วยคีโม  ก็เหมือนการพนันว่า คีโมจะ “ทำให้เซลล์มะเร็งอดตาย” หรือ “ทำให้เซลล์มะเร็งได้รับพิษจนตาย” ก่อนหรือหลัง ที่จะทำให้ผู้ป่วยอดตายหรือได้รับพิษจนตาย      น่าเศร้าที่คีโมมักจะทำลายผู้ป่วยมากกว่าที่จะทำลายมะเร็ง   จนเจ้าหน้าที่หลายๆท่านจะบอกกับคุณว่า  ผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากการรักษาด้วยคีโม มีมากกว่าผู้ป่วยที่รักษาหายจากคีโม      

4 วิธีในการรับมือกับภาวะ Cachexia ด้วยวิธีธรรมชาติ

1 | รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และช่วยต้านมะเร็ง และต้องประกอบด้วยโปรตีนและกรดอะมิโนอย่างเพียงพอที่จะสู้กับภาวะ cachexia

2 | ออกกำลังกาย  โดยเฉพาะแบบ resistance training เช่น ยกน้ำหนัก  ซึ่งจะช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อในผู้ที่มีภาวะ cachexia และ sarcopenia

         คุณอาจจะคิดว่า  การเก็บแรง และพลังงานไว้น่าจะดีกว่า    อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายนั้นมีความสำคัญในการรักษามวลกล้ามเนื้อในผู้ที่มีภาวะ cachexia      ล่าสุด  แนวทางในการปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่นำเสนอในที่ประชุมของ  American Society of Clinical Oncology (ASCO) ในปี 2020  ได้ออกแนวทางซึ่งขัดแย้งกับคำแนะนำของการแพทย์สายหลักที่มีมาหลายสิบปีแล้วว่าผู้ป่วยมะเร็งควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย      ปรากฏว่าแนวทางปฏิบัติใหม่แนะนำให้ผู้ป่วยมะเร็ง “หลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตที่ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย” เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต, เพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย และฟิตเนส

         การออกกำลังกายเป็นประจำอาจจะทำได้ยากยิ่ง หรืออาจจะทำไม่ได้เลย ในผู้ป่วยที่อาการหนัก      อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยมะเร็งที่มีภาวะ cachexia ควรหาวิธีกระตุ้นตัวเองให้มีการเคลื่อนไหวร่างกายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้      แม้จะทำได้เพียงลุกขึ้นนั่งหรือเดินไปเข้าห้องน้ำก็ตาม

3 | หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรืออยู่ใกล้คนสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันภาวะ catabolic wasting ไม่ให้เป็นมากขึ้น      การสูบบุหรี่ และ secondhand smoke เป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ      การสูบบุหรี่ และการได้รับสารพิษจากบุหรี่ เพิ่มความเสี่ยงในการสูญเสียกล้ามเนื้อจากสาเหตุอย่างน้อย 4 ประการนี้ คือ:

  • ความอยากอาหารลดลง
  • การยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีน
  • มีการสลายโปรตีนเพิ่มขึ้น
  • ระดับ myostatin ในร่างกายเพิ่มมากขึ้น (เป็นโปรตีนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกาย ที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ)

4 | การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  มีบทบาทสำคัญมากในการรับมือกับภาวะ cachexia      นี่คือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ควรพิจารณา:

  • กรดไขมันโอเมก้า 3      พบในน้ำมันปลา และน้ำมันคริลล์      การศึกษาวิจัยมากมายพบว่า Omega-3s มีผลดีต่อภาวะ cachexia      การศึกษาวิจัยจากอังกฤษที่วิจัยในผู้สูงอายุ  รายงานว่า การรับประทานปลาที่มีกรดไขมันจำเป็น ในปริมาณที่มากขึ้น  เกี่ยวข้องกับ handgrip strength (แรงบีบมือ) ที่เพิ่มมากขึ้น  ซึ่งเป็นสัญญาณของการทำงานของกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้น      การวิจัยอื่นๆพบว่า การรับประทานน้ำมันปลาแคปซูลทำให้มี lean body mass (มวลน้ำหนักตัวโดยไม่รวมไขมัน) เพิ่มมากขึ้น และการสูญเสียกล้ามเนื้อลดลง  โดยเฉพาะ skeletal muscle (กล้ามเนื้อลาย)
  • วิตามินดี 3       เป็นสารอาหารที่เพิ่มภูมิคุ้มกัน และจำเป็นมากในการต่อสู้กับมะเร็ง   รวมทั้งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการรักษากล้ามเนื้อ และกระดูก       Vitamin D3 ผลิตขึ้นตามธรรมชาติจากแสงอาทิตย์ที่ผิวหนังของเรา      ดังนั้น  เราควรรับวิตามินดี 3 ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จากแสงอาทิตย์  แต่ระวังอย่าให้มากเกินไปจนเกิด sunburn
  • Probiotics (โพรไบโอติกส์)      ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายแสงหรือยาคีโม มักจะมีอาการท้องเสียเรื้อรัง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารไปบำรุงร่างกายน้อยลงอย่างมาก       การศึกษาวิจัยจำนวนมากได้รายงานว่าการเสริมด้วยเชื้อแบคทีเรียโพรไบโอติกส์ เช่น  Lactobacillus acidophilus และ Bifidobacterium  สามารถลดการเกิดท้องเสียที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง  รวมทั้ง HIV/AIDS ได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • Digestive Enzymes (เอ็นไซม์ช่วยย่อย)      ผู้ป่วยที่มีภาวะ cachexia อาจมีอาการดีขึ้นหากรับประทานเอ็นไซม์ช่วยย่อยเสริม      โดยเอ็นไซม์จะช่วยเสริมให้เกิดสมดุลย์ของเชื้อแบคทีเรียที่ดี และเชื้อก่อโรค  และช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารจากลำไส้  การนำสารอาหารไปใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

     

    N-Acetyl Cysteine (NAC)       NAC เป็นสารตั้งต้นของ glutathione (กลูตาไธโอน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “the master antioxidant”) ซึ่งเป็นสารประกอบที่จำเป็นในการต่อสู้กับมะเร็ง  และยังช่วยป้องกันการเกิด cachexia ด้วย

    Whey protein (เวย์โปรตีน)       เวย์โปรตีน เป็นหนึ่งในโปรตีนที่มีสรรพคุณทางด้านโภชนาการสูงสุด    เป็นโปรตีนหนึ่งในสองชนิดที่พบในน้ำนม (โปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่พบในนม คือ casein - เคซีน)      เวย์โปรตีน มีปริมาณและชนิดของกรดอะมิโนจำเป็นอยู่ในปริมาณมาก ซึ่งมีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว      รวมถึงกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการสร้างกล้ามเนื้อ เช่น branched-chain amino acids leucine (ลิวซีน), isoleucine (ไอโซลิวซีน) และ valine (วาลีน)      การศึกษาวิจัยมากมายได้แสดงว่า  เวย์สามารถช่วยให้คุณเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ      

    Creatine (ครีเอทีน)      การเสริมด้วย creatine เป็นประจำทุกวัน  พบว่าช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานของกล้ามเนื้อในผู้สูงอายุ ที่มีกิจกรรมออกกำลังประจำวัน

    Amino acids (กรดอะมิโน)      สารแอคทีฟที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนลิวซีน (leucine’s active metabolite derivative) คือ HMB (beta-Hydroxy beta-methylbutyric acid) และกรดอะมิโน glutamine (กลูตามีน ) และ arginine (อาร์จินีน) มีบทบามสำคัญในการรักษาภาวะสูญเสียกล้ามเนื้อ

    L-carnitine (แอลคาร์นิทีน)      การรับประทาน L-carnitine ทุกวัน  สามารถช่วยลดอาการอ่อนเพลีย และเพิ่ม lean body mass (มวลน้ำหนักตัวโดยไม่รวมไขมัน)      การศึกษาวิจัยหลายฉบับพบว่า  ผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากที่มีภาวะ cachexia ร่วมด้วย  มักมีระดับ carnitine ในร่างกายต่ำ

  • Coconut oil (น้ำมันมะพร้าว)      น้ำมันมะพร้าว ได้รับความนิยมในคนจำนวนมากว่าเป็น “superfood”       โดยมีกรดไขมันอิ่มตัวตามธรรมชาติในปริมาณสูง ซึ่งสามารถเพิ่มระดับโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ในร่างกายได้

    Medical marijuana (กัญชาทางการแพทย์)      นอกจากเป็นหนึ่งในสารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแล้ว   กัญชาทางการแพทย์ ยังช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ซึ่งช่วยปกป้องร่างกายจากภาวะ cachexia

บทความต้นฉบับโดย Tony Isaacs


  • thumbnail_large-1 (3).jpg
    ร่างกายของมนุษย์เรานั้น ประกอบไปด้วยเซลล์จำนวน 100 ล้านล้านเซลล์ ซึ่งรวมทั้งเซลล์แบคทีเรีย, ไวรัส และเชื้อรา โดยเชื้อจุลินทรีย์ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา ซึ่งเรียกว่า gu...

  • แคลเซียม.jpg
    Osteoporosis (โรคกระดูกพรุน) – ซึ่งทำให้กระดูกมีรูพรุน และเปราะ และนำไปสู่การมีสุขภาพทรุดโทรม กระดูกหักได้ ซึ่งเป็นภาวะคุกคามสุภาพสตรี เมื่ออายุมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญได้ประมาณก...

  • thumbnail_large.jpg
    การผ่าตัดใส่ข้อเทียม นับเป็นหนึ่งในความก้าวหน้าทางด้านการแพทย์ที่มีผลเปลี่ยนแปลงชีวิตคนมากที่สุด มันหมายถึงการสร้างความแตกต่างระหว่างการเป็นคนพิการจากข้อที่อักเสบ ไปสู่การเค...

  • Ukon.jpg
    บางทีคุณอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับประสิทธิภาพ และความสำเร็จของกัญชาในทางการแพทย์มาบ้าง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าสมุนไพรพื้นเมืองของอินเดียอย่าง ขมิ้นชัน นั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่าย...

  • thumbnail_large.jpg
    Autoimmune Disease (โรคภูมิแพ้ตัวเอง) – อาการของ “โรคระบาดที่ถูกแอบซ่อนไว้” ผู้คนประมาณ 50 ล้านคนแค่เฉพาะในอเมริกาอย่างเดียว มีภาวะ ภูมิต้านตนเอง หลายๆคนมีอาการ โรคภูมิแพ้ตัวเอง ซ...

  • _Facebook Post (3).jpg
    การดูแลสุขภาพระดับเซลล์ ไฟป่า ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินั้น เป็นวิธีการหนึ่งที่ธรรมชาติทำการควบคุมความเสียหายที่เกิดขึ้น ตรงข้ามกับที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกัน ความจริงแล้ว ไฟป่า (ตาม...

  • Cleaning Powder (Citric Acid)-กรดมะนาว.jpg
    “โรคนอนไม่หลับ” เป็นโรคที่เกี่ยวกับการนอนหลับผิดปกติที่พบได้บ่อยที่สุด โดยพบใน 30 – 45% ของคนปกติ โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 1.5 เท่า โรคนอนไม่หลับเป็นภาวะที่ผู้ป่วยมีการนอน...

  • thumbnail_large-1.jpg
    ทำไมการล้างพิษจึงมีความสำคัญต่อสุขภาพ การดำเนินเข้าสู่วัยชรานั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันเป็นสิ่งที่ วันหนึ่งเราทุกคนต้องเผชิญ แต่ในขณะที่ไม่มีใครสามารถหลบหนีความแก่ชราได้ ...

  • 53e7d0474954b10ff3d8992cc62935781c3edae24e50744073277cd79648c2_640.png
    เกือบจะทุกคนชอบอาหารจานร้อนที่น่ารับประทาน อาหารอบ ตุ๋น, อาหารผัด, ซุปสตูว์ทั้งหลาย... ถ้ามันเป็นอาหารจานนึ่งอร่อย และเต็มไปด้วยส่วนผสมที่มีรสชาติ คนส่วนใหญ่จะเลือกรับประทานอ...

  • งานออกแบบที่ไม่มีชื่อ.png
    เครื่องฟอกอากาศช่วยแก้ปัญหา COVID-19 และปัญหาอื่น ๆ ได้ดีแค่ไหน? นี่คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าว COVID-19 ทำให้พวกเราส่วนใหญ่ตระหนักถึงอากาศที่เราหายใจมากขึ้นกว่าเดิม ความคิด...

  • รูปประจำหน้า.png
    ในอดีต มนุษย์เราสามารถดึงสารอาหารที่สำคัญส่วนใหญ่ (หรือทั้งหมด) ที่เราต้องการเพื่อสุขภาพที่ดี จากอาหารที่เรากิน และวิถีชีวิตที่เน้นกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นความจริงที่น่าเศร้าที...

  • 310x180 px.jpg
    DMPS (โซเดียม 2,3-ไดเมอร์แคปโตโพรเพน-แอล-ซัลโฟเนท) คือ เกลือของกรดซัลโฟนิกที่มีหมู่ซัลฟ์ไฮดริลอิสระ (free SH group) ซึ่งมาเกิดเป็นสารเชิงซ้อนกับโลหะหนัก เช่น ปรอท, แคดเมียม, ส...

  • 310x180 px.jpg
    การขาดสารอาหาร อาจนำไปสู่การเติบโตของมะเร็ง ในทางกลับกัน สารอาหารที่เหมาะสมสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้เพิ่มจำนวนได้ นักวิทยาศาสตร์ทราบมานานหลายทศวรรษแล้วว่า เซลล์มะเร็ง...

  • 310x180 px.jpg
    เซลล์บำบัดเป็นการรักษาที่สำคัญ เพื่อป้องกัน, ชะลอ หรือรักษาอาการของโรคต่างๆ และกระบวนการชรา นอกจากนี้ การบำบัดด้วยเซลล์ยังถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในการรักษามะเร็งทางชีววิทยา แ...

  • 310x180 px.jpg
    เราสัมผัสกับสารพิษที่อาจเป็นอันตรายทุกวัน ทั้งในอากาศ, น้ำ ในที่ทำงาน, ในบ้าน และแม้แต่ในรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นของใหม่ คนส่วนใหญ่เชื่อว่า ปริมาณการสัมผัสเล็กน้อย ไ...

  • 310x180 px.jpg
    หากคุณเคยใช้เวลาในการดูฉลากส่วนผสมบนผลิตภัณฑ์อาหาร คุณจะพบคำศัพท์บางคำที่ไม่คุ้นเคย ในขณะที่หลายคนมองหาส่วนผสมที่ไม่ดีที่ตนรู้จัก เช่น น้ำเชื่อมข้าวโพดที่มีฟรุกโตสสูง (high-fr...

  • 310x180 px.jpg
    โรคไตเป็นปัญหาที่พบบ่อย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประมาณ 10% ของประชากร ไตเป็นอวัยวะรูปถั่วขนาดเล็ก แต่ทรงพลัง ทำหน้าที่สำคัญหลายอย่าง มีหน้าที่กรองของเสีย, ปล่อยฮอร์โมนที่ควบคุมความดัน...

  • 310x180 px.jpg
    แต่แรกนั้นซีลีเนียมได้ถูกนำมาใช้รักษารังแค แต่เจ้าแร่ธาตุที่สำคัญนี้ (ร่างกายต้องการเพียงปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น) มีการพัฒนาบางอย่างให้มีบทบาทสำคัญในด้านโภชนาการโดยรวม จากผลการ...

  • 310x180 px.jpg
    วิตามินดีเป็นชื่อของกลุ่มวิตามินที่ละลายในไขมันที่พบในน้ำมันตับปลา และปลาที่มีไขมันเช่น ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า และปลาแมคเคอเรล วิตามินเหล่านี้จำเป็นสำหรับการดูดซึมแคลเซียม, เหล็ก...

  • 310x180 px.jpg
    และนี่คือคำโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 11 อันดับแรกของอุตสาหกรรมอาหารขยะ1. 1. Low-Fat or Fat-Free (ไขมันต่ำหรือปราศจากไขมัน) ผลข้างเคียงอย่างหนึ่งของ “สงคราม” กับไขมันคือ มีการผลิตผล...

  • ด้วยแนวทางการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดในปัจจุบัน แนะนำให้งดใช้แอสไพรินในปริมาณต่ำ (baby aspirin)ทุกวัน จึงจำเป็นต้องมีทางเลือกที่เป็นธรรมชาติที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากข...

  • ONDAMED International Teleconference February 18, 2009and17th Annual World Congress on Anti-Aging Medicine23-25 April 2009, Gaylord Palms Hotel and Convention CenterOrlando, Florid...

  • ลองจินตนาการว่า วันหนึ่งคุณอาจสูญเสียความรู้สึกที่เท้า, ข้อเท้า และขาส่วนล่าง และในที่สุด ความรู้สึกที่หายไปนี้ อาจนำไปสู่การติดเชื้อ, การเป็นแผล หรือแม้แต่การตัดแขนขาที่ไม่สาม...